Wednesday, March 18, 2009
ภาพสะท้อนจันทร์
ภายใต้ท้องฟ้าแห่งแสงจันทร์
ผู้คนเริงร่าเต้นรำ
ก่อเกิดรูปร่างที่แตกต่างกัน
(Haiku โดย Dogen)
ไฮกุบทนี้บอกเป็นนัยว่า ครั้งหนึ่งที่เราได้เกิดมาบนโลกนี้ เราถูกลิขิตให้ดำเนินชีวิตที่แตกต่างกัน มิซาโอะ โจ เล่าไว้ว่า "เมื่อข้าพเจ้ายังเป็นเด็ก ข้าพเจ้ามองไม่เห็นความจริงในข้อนี้ และดำเนินชีวิตให้เหมือนกับคนส่วนใหญ่ แล้ววันหนึ่งก็เกิดแรงบันดาลใจ ตระหนักถึงความสำคัญของการพัฒนาเส้นทางชีวิตของตนเอง ราวกับว่าสวนดอกไม้ที่งดงามเปิดประตูสู่ชีวิตของข้าพเจ้า" ...ดอกไม้ทั้งหลายนั้นสวยงาม แม้ว่าดอกไม้แต่ละชนิดจะมีดอกและสีสันที่แตกต่างกัน ทั้งหมดนี้จึงเป็นสิ่งดี ทุกสิ่งมีชีวิตเหมือนกัน และชีวิตไม่สามารถวัดด้วยมาตรฐานเดียวกัน เอกลักษณ์ที่แตกต่างกันนี้ทำให้ทุกสิ่งมีความหมายและไม่เหมือนใคร ก่อเกิดความสร้างสรรค์บนลวดลายแห่งชีวิต
หยิบไฮกุบทนี้ขึ้นมาอ่าน ในวันที่ได้เป็นตัวเอง อิสระแนบแน่นกับความมั่งคั่งทางจิตวิญญาณ
ภาวนาคือชีวิต ๒,
กุมภาพันธ์ ๕๒
Friday, March 13, 2009
จิตน้อมคารวะ
บางประสบการณ์มีไว้เพื่อเก็บเงียบๆไว้กับตัว
ต่อตรงให้สัมผัสไปกับหัวใจเนื้อๆ
ไม่ต้องหาความหมาย
ไม่ต้องตีความ
เพราะความเข้าใจจะเกิดขึ้นเฉพาะแค่เรากับประสบการณ์นั้นๆอย่างลำพัง
เพียงแค่เงียบและฟังนิ่งๆด้วยเนื้อด้วยตัวท่ามกลางความไม่อธิบาย..
เราก็จะได้ยินถ้อยคำบางอย่างที่ดังขึ้นมาโดยไม่ได้คิด
และเริ่มเข้าใจสัญลักษณ์ต่างๆที่ปรากฎขึ้นทั้งในความจริงและความฝัน
อาจเพราะไม่มีถ้อยคำมากพอจะสื่อสารถึงเรื่องราว อย่างที่ครูตั้มบอก
หรือเพียงแค่ทรุดตัว แนบศีรษะชิดพื้น แบมือสองข้าง เหยียดตรงไปด้านหน้า
เพื่อบอกผ่านร่างกายที่หมอบราบว่า ลูกไม่มีสิ่งใดปกปิดต่อหน้าคุรุ
และขอศิโรราบให้กับทุกประสบการณ์ที่หลั่งไหลมาในชีวิต
ทุกอย่างก็จะคลี่ออก ทีละนิด ทีละนิด
จากนั้นเราจึงก้าวเดินต่อไป.. ด้วยจิตอันน้อมคารวะ
ภาวนาคือชีวิต๒,
กุมภาพันธ์ ๕๒
Thursday, March 12, 2009
ความฝันรังสรรค์
หลายครั้งที่ฝัน ตื่นมาเหมือนเป็นจริง ทั้งใจยังเต้นแรงดุจในความฝัน แต่มันหามีสิ่งใดเป็นจริงไม่
แต่ฝันก็อาจมีความหมาย เพื่อผ่านบางสิ่งหรือเป็นนิมิตอธิบายบางเรื่องของจิตใจ
วันนี้พลิกอ่านเรื่องหนึ่ง ที่โซเกียล รินโปเช เขียนไว้ว่า
แม้ในมนุษยภูมินี้ ทุกผู้คนล้วนมีกรรมเป็นเครื่งปรุงแต่ง แม้ว่ามนุษย์จะแลดูคล้ายคลึงกัน แต่เรากลับแลเห็นสิ่งต่างๆผิดแผกแตกต่างกันเป็นอันมาก เราต่างมีชีวิตอยู่ในโลกส่วนตัวที่เป็นเฉพาะและแยกขาดออกจากกัน ดุจดังที่คาลุ รินโปเช ได้กล่าวไว้ว่า :
"ถ้ามีคนร้อยคนนอนหลับและฝัน แต่ละคนก็จะฝันถึงโลกที่แตกต่างกันออกไป ความฝันของแต่ละคนอาจกล่าวไว้ว่าเป็นสิ่งจริงแต่การที่จะยืนยันว่าความฝันของผู้หนึ่งผู้ใดจริงที่สุดและของคนอื่นเป็นของปลอมนั้น นับว่าเป็นการกระทำที่ไร้สาระ ทุกสิ่งที่ผู้คนรับรู้ล้วนเป็นสิ่งจริงตามแต่กรรมจะปรุงแต่งสัมผัสรับรู้ของเขา"
เรื่องของกรรมมิใช่เรื่องคอขาดบาดตาย หรือเป็นสิ่งที่ถูกกำหนดมาแล้ว หากแต่กรรมหมายถึงความสามารถของเราที่จะสร้างสรรค์หรือเปลี่ยนแปลง มันเป็นสิ่งสร้างสรรค์ด้วยเหตุที่เราสามารถเป็นผู้เลือกว่าเราจะกระทำด้วยอาการเยี่ยงไร เราอาจเป็นผู้เปลี่ยนแปลงสิ่งต่างๆ อนาคตอยู่ในกำมือของเรา อยู่ในอุ้งหัตถ์แห่งดวงใจของเรา พระพุทธองค์ทรงตรัสไว้ว่า
กรรมคือผู้รังสรรค์ ดุจศิลปิน
กรรมคือผู้บัญญัติ ดุจดังนาฏกร
ภาวนาคือชีวิต ๒,
กุมภาพันธ์ ๕๒
Tuesday, March 10, 2009
ชีวิตจริง
การเป็นนักเรียนแตกแถวหรือการมีนิวรณ์นั้นก็เป็นชีวิตจริงที่เราต้องเผชิญกัน เราคงไม่ต้องหลบเลี่ยงมันมั้งนะ รวมทั้งเรื่องโลกกลม ไม่ว่าจะเป็นธรรมะจัดสรรหรือเราพยายามจัดสรรเองก็ตาม ทุกอย่างถ้าเกิดขึ้นแล้วเราก็คงมองดู และคงไม่แค่เฝ้าดู อาจจะต้องไปนัวเนียกับมัน ให้มันรู้ดำหรือแดงหรือขาวหรือเขียว หรือไม่ว่าจะเป็นสีใดก็ตาม ใช่มั้ยนะ
และครานี้แหละ จะได้รู้ว่าวิทยายุทธที่ฝึกมานั้นใช้ได้แค่ไหน ขณะเดียวกันมันก็เป็นการฝึกวิทยายุทธไปในตัว ไม่ว่าเราจะรู้ตัวหรือไม่ก็ตามที
วันนี้เป็นวันแรกที่ได้สวดมนต์ในหนังสือที่ได้มา กำลังคิดว่าทำไมต้องท่องหลายรอบ และแล้ว....น้ำตาก็ไหลรินออกมาเช่นเคย ...และก็เหมือนเช่นเคย
ภาวนาคือชีวิต ๒,
กุมภาพันธ์ ๕๒
Thursday, May 22, 2008
แบ่งปันใจ
ผมเป็นคนอ่อนไหวต่อความรู้สึกบางอย่าง ซึ่งอธิบายไม่ได้ว่าคืออะไร เพียงแต่เป็นคนมีเหตุผลและมักตั้งคำถามกับสิ่งที่เข้ามากระทบกับตัวเองทั้งทางกายและทางใจ บางครั้งจึงลืมที่จะตรวจสอบความรู้สึกบอบบางในส่วนนั้น และโดยพื้นฐานอยากแบ่งปันความสุขให้คนอื่นบ้างภายใต้ข้อจำกัดของตัวเอง ยิ่งเป็นเหมือนกำแพงปิดกั้นความอ่อนโยนที่เราอาจส่งมอบให้กับคนที่เรารัก
ผมไม่คิดว่าคอร์สอบรมครั้งนี้จะให้บทเรียนอะไรกับผมได้มากนัก แต่พอได้ทดลองฝึกภาวนาในกระบวนการท้ายสุด กลับรู้สึกอิ่มเต็ม ได้มองเห็นคนรอบข้างได้ชัดเจนขึ้น เข้าใจมากขึ้นว่าเราทุกคนบนโลกนี้ล้วนเป็นผู้ถูกกระทำทั้งสิ้น ซึ่งผู้ที่กระทำต่อเราก็ไม่ใช่ใครที่ไหนเลย ก็ตัวเรานี่เอง
เรากระทำหลายสิ่งหลายอย่างโดยอาจขาดการไตร่ตรองใคร่ครวญ จึงเกิดผลลัพธ์ในมุมลบ ทว่าในบางการกระทำของเราก็ก่อเกิดหลายสิ่งหลายอย่างที่งอกงาม
หากพูดกันให้ถึงที่สุด มนุษย์ต่างทำในสิ่งต่างๆเพื่อตอบสนองตัวตนของเราทั้งสิ้น เพียงแต่ในการกระทำนั้น หากจะมีคุณค่าความหมายใดซ่อนอยู่ ก็อยากให้ผลกรรมนั้นได้โปรยปรายสู่คนรอบข้างบ้างแม้เพียงสักเล็กน้อย
อยากให้กำลังใจตัวเอง ให้กำลังใจเพื่อนๆ ผู้ร่วมชะตากรรมในวัฏฏะ ซึ่งไม่มีใครรู้ว่าจะสิ้นสุดลงเมื่อใด...
สัมผัสแห่งการตื่นรู้,
พฤษภาคม ๕๑
Wednesday, May 21, 2008
ก้าวต่อไป?
และแล้วการเดินทางเพื่อฝึกฝนตนเองครั้งนี้ก็มาถึงสุดทาง ยังตอบตัวเองไม่ได้ว่าจะเดินต่อในเส้นทางการฝึกตนนี้หรือเปล่า?
มันไม่ใช่การตัดสินว่าสิ่งที่ทำนี้ดีหรือไม่ดี ถูกหรือผิด เพียงแต่ยังรู้สึกไม่แน่ใจกับจิตใจของตนเองว่าต้องการอะไรกันแน่ ถ้าการฝึกภาวนาทำให้เรารู้จักตัวเอง แต่ในบางครั้งก็ยังกลัว และไม่เชื่อว่าเราจะทำได้ ซึ่งการไว้ใจกับชีวิตและการสลัดทิ้งความกลัวก็สามารถใช้การภาวนามาช่วยได้
แม้จะยังไม่ได้รู้สึกว่า "การภาวนาคือชีวิต" แต่สัมผัสได้ถึงคุณค่าและความสำคัญของการภาวนาที่ต้องใช้ ความผ่อนคลาย ความอ่อนโยน การปล่อย และถ้าเราสามารถทำได้ สมองและหัวใจของเราคงจะรู้สึกโล่งสบายกว่านี้
แต่ตอนนี้รู้สึก "เหนื่อย" แม้ว่าบรรยากาศภายในการฝึกอบรมจะดีมาก ทุกๆคนมีมิตรภาพและความหวังดีให้แก่กัน แต่สิ่งที่สัมผัสได้จากส่วนลึกในใจของเรา คือ ความหวาดหวั่นกับสิ่งที่จะต้องเผชิญกับการภาวนา ไม่รู้ว่าจะอธิบายยังไงเหมือนกัน
เส้นทางเดินของชีวิตต่อจากนี้ เราจะต้องจริงใจกับความรู้สึกของตัวเอง ทำในสิ่งที่เราอยากทำ เผชิญหน้ากับปัญหาที่เข้ามา ด้วยความพร้อมที่จะบาดเจ็บและเจ็บปวด และแผลที่ถูกทำร้ายจากตัวเองและคนอื่น อยู่อย่างเข้าใจธรรมชาติของทุกสิ่ง ไม่ตัดสิน แต่ยอมรับและเข้าใจกับความเป็นไปของทุกสิ่ง
สัมผัสแห่งการตื่นรู้,
พฤษภาคม ๕๑
Subscribe to:
Posts (Atom)